การทำข้าวนาดำ




การทำข้าวนาดำ





              เป็นวิธีการทำนาที่มีการนำเมล็ดข้าวไปเพาะในแปลงที่เตรียมไว้ (แปลงกล้า)
ให้งอกเป็นต้นกล้า แล้วถอนนำต้นกล้าไปปักลงในกระทงนาที่เตรียมเอาไว้ และมีการ
ดูแลรักษาจนให้ผลผลิตการทำนาดำนิยมให้พื้นที่ทมีแรงงานเพียงพอ การปลูกข้าว
แบ่งออกได้3 วิธี ด้วยกัน ดังนี้

              การปลูกข้าวในนาดำ เรียกว่า การปักดำ ซึ่งวิธีการปลูกแบ่งออกได้
 เป็น 2 ตอน             
              ตอนแรก ได้แก่ การตกกล้าในแปรนาในแปลงนาขนาดเล็ก
              
               ตอนที่สอง ได้แก่ การถอนต้นกล้าเอาไปปักดำในนาผืนใหญ่

ดังนั้นการปลูกแบบปักดำมัขั้นตอนดังนี้

             การเตรียมดิน
             การเตรียมดินสำหรับปลูกข้าวแบบปักดำต้องมีการไถดะการไถแปรและการ
คราด
             1. การไถดะ และไถแปร คือ การพลิกหน้าดิน ตากดินให้แห้ง ตลอดจน
เป็นการคลุกเคล้าฟาง วัชพืช ฯลฯ ลงไปในดิน เครื่องมือที่ใช้ อาจเป็น รถไถเดิมตาม
จนถึงรถแทรกเตอร์
             2. การคราดหรือใช้ลูกทุบ คือ การกำจัดวัชพืช ตลอดจนการทำให้ดิน
แตกตัวและเป็นเทือกพร้อมที่จะปักดำได้ขั้นตอนนี้เป็นขั้นที่ทำต่อจากขั้นที่1 และขัง
น้ำไว้ระยะหนึ่ง เพื่อให้มีสภาพดินที่เหมาะสมในการคราดหรือการใช้ลูกทูบ ในบางพื้น
ที่อาจมีการใช้โรตารี
            ปกติการไถและคราดในนาดำมักจะใช้แรงวัว ควาย หรือแทร็กเตอร์ขนาดเล็ก
ควายเหล็กหรือไถยนตเดินตาม   ทั้งนี้เป็นเพราะพื้นที่นาดำนั้นได้มีคันนาแบ่งกั้นออก
เป็นแปลงเล็ก ๆ คันนามีไว้สำหรับกักเก็บน้ำหรือปล่อยน้ำทิ้งจากแปลงนานาดำจึงมี
การบังคับน้ำในนาได้บ้างพอสมควร ก่อนที่จะ ทำการไถจะต้องรอให้ดินมีความชื้นพอ
ที่จะไถได้เสียก่อนปกติจะต้องรอให้ฝนตกจนมีน้ำขังในผืนนาหรือ ไขน้ำเข้าไปในนา
เพื่อทำให้ดินเปียก

           การตกกล้า
           การตกกล้า หมายถึง การเอาเมล็ดไปหว่านให้งอกและเจริญเติบโตขึ้นมา
เป็นต้นกล้า เพื่อเอาไปปักดำ การเตรียมต้นกล้าให้ได้ต้นที่แข็งแรง เมื่อนำไปปักดำ
ก็จะได้ข้าวที่เจริญเติบโตได้รวดเร็วและมีโอกาสให้ผลผลิตสูง ต้นกล้าที่แข็งแรงดี
ต้องมีการเจริญเติบโตและความสูงสม่ำเสมอกันทั้งแปลงมี กาบใบสั้น มีรากมาก
และรากขนาดใหญ่ ไม่มีโรคและแมลงทำลาย

           -การเตรียมเมล็ดพันธุ์ ที่ใช้ตกกล้าต้องเป็นเมล็ดพันธุ์ที่บริสุทธ์ ปราศจาก
สิ่งเจือปนมีเปอร์เซ็นต์ความงอกสูง(ไม่ต่ำกว่า 80 เปอร์เซ็นต์)ปราศจากการทำลาย

           -การแช่และหุ้มเมล็ดพันธุ์ นำเมล็ดข้าวที่ได้เตรียมไว้บรรจุในภาชนะ นำไป
แช่ในน้ำสะอาด นานประมาณ 12-24 ชั่วโมง จากนั้นนำเมล็ดพันธุ์ขึ้นมาวางบนพื้น
ที่น้ำไม่ขังและมีการถ่าย  เทของอากาศดี
รดน้ำทุกเช้าและเย็น เพื่อรักษาความชุ่มชื้น หุ้มเมล็ดพันธุ์ไว้นานประมาณ 30-48
ชั่วโมง เมล็ดข้าวจะงอกขนาด“ตุ่มตา”(มียอดและรากเล็กน้อยโดยรากจะยาวกว่ายอด)
พร้อมที่จะนำไปหว่านได้

          การตกกล้า การตกกล้ามีหลายวิธีการ ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและวัตถุประสงค์ 
                 1. การตกกล้าในสภาพเปียก หรือการตกกล้าเทือก
                 2. การตกกล้าในสภาพดินแห้ง
                 3. การตกกล้าใช้กับเครื่องปักดำข้าว
          
          การปักดำ
          การปักดำ เมื่อต้นกล้ามีอายุประมาณ ๒๕-๓๐ วัน จากการตกกล้าในดินเปียก
หรือการตกกล้าในดินแห้ง ก็จะโตพอที่จะถอนเอาไปปักดำได้ ขั้นแรกให้ถอนต้นกล้า
ขึ้นมาจากแปลงแล้วมัดรวมกันเป็นมัด ๆ ถ้าต้นกล้าสูงมากก็ให้ตัดปลายใบทิ้ง สำหรับ
ต้นกล้าที่ได้มาจากการตกกล้าในดินเปียก จะต้องสลัดเอาดินโคลนที่รากออกเสียด้วย
แล้วเอาไปปักดำในพื้นที่นาที่ได้เตรียมไว้ การปักดำ จะต้องปักดำให้เป็นแถวเป็นแนว
และมีระยะห่างระหว่างกอมากพอสมควร โดยทั่วไปแล้วการปักดำมักใช้ต้นกล้าจำนวน
๓-๔ ต้นต่อกอ
 
 การดูแลรักษาต้นข้าว
          
ในระหว่างการเจริญเติบโตของต้นข้าว ตั้งแต่ การปักดำ ต้นข้าวต้องการ
น้ำและปุ๋ยสำหรับการเจริญเติบโต   ในระยะนี้ต้นข้าวอาจถูกโรคและแมลงศัตรู
ข้าวหลายชนิดเข้ามาทำลายต้นข้าว ผู้ปลูกจะต้องหมั่นออกไปตรวจดูต้นข้าวที่
ปลูกไว้เสมอ ๆ โดยแปลงกล้าและแปลงปักดำ จะต้องมีการใส่ปุ๋ย มีน้ำเพียงพอ
กับความต้องการของต้นข้าว และพ่นยาเคมีป้องกันกำจัดโรคแมลงศัตรูข้าว
นอกจากนี้ชาวนาจะต้องหมั่นกำจัดวัชพืชในแปลงปักดำอีกด้วย เพราะวัชพืช
เป็นตัวที่แย่งปุ๋ยไปจากต้นข้าว


           การเก็บเกี่ยวข้าว
           เมื่อดอกข้าวได้บานและมีการผสมเกสรแล้วหนึ่งสัปดาห์ ก็จะเริ่มเป็นแป้ง
เหลวสีขาว    สัปดาห์ที่สองแป้งเหลวนั้นก็จะแห้งกลายเป็นแป้งค่อนข้างแข็ง 
สัปดาห์ที่สามแป้งก็จะแข็งตัวมากยิ่งขึ้นเป็นรูปร่างของเมล็ดข้าวกล้อง สัปดาห์
ที่สี่นับจากวันที่ผสมเกสร  จึงเป็นที่เชื่อถือได้ว่า  เมล็ดข้าวจะแก่พร้อมเก็บเกี่ยว
ได้หลังจากออกดอกแล้วประมาณ  28-30  วัน  ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะใช้
เคียวสำหรับเกี่ยวข้าวทีละหลาย ๆ รวง  เคียวที่ใช้เกี่ยวข้าวมีอยู่ ๒ ชนิด ได้แก่
 1. เคียวนาสวนเมือง
            
 2. เคียวนาเมือง                              

 การนวดข้าว          
 การนวดข้าว หมายถึง การเอาเมล็ดข้าวออกจากรวง ขั้นแรกจะต้อง
ขนข้าวที่เกี่ยวมาจากนาที่กองไว้บนลานสำหรับนวด การกองข้าวสำหรับนวด
เป็นระเบียบมัดข้าวจะอยู่ว่าการกองจะต้องเป็นระเบียบถ้ากองไม่เป็นระเบียบมัด
ข้าวจะอยู่สูง ๆ ต่ำ ๆ   ทำให้เมล็ดข้าวได้รับความเสียหายและคุณภาพต่ำปกติ
ชาวนามักจะนวดข้าวหลังจากที่ได้ตากข้าวให้แห้งเป็นเวลา ๕-๗ วัน การนวด
ข้าวก็ใช้แรงสัตว์   เช่น  วัว ควายขึ้นไปเหยียบย่ำเพื่อขยี้ให้เมล็ดหลุดออกจาก
รวงข้าวเรียกว่าฟางข้าวที่กล่าวนี้เป็นวิธีหนึ่งของการนวดข้าวซึ่งที่จริงแล้วการ
นวดข้าวมีหลายวิธี เช่น การนวดแบบฟาดกำข้าวการนวดแบบใช้คำย่ำ การนวด
แบบใช้ควายย่ำการนวดโดยใช้เครื่องทุ่นแรงย่ำ


           การตากข้าว
           เพื่อรักษาคุณภาพเมล็ดข้าวให้ได้มาตรฐานอยู่เป็นเวลานาน ๆ หลังจาก
นวดและทำความสะอาดเมล็ดแล้ว จึงจำเป็นต้องเอาข้าวเปลือกไปตากอีกครั้ง
หนึ่งก่อนที่จะเอาไปเก็บไว้ในยุ้งฉาง การตากข้าวในระยะนี้ ควรตากบนลานที่
สามารถแผ่กระจายเมล็ดข้าวให้ได้รับแสงแดดโดยทั่วถึงกัน และควรตากไว้นาน
ประมาณ ๓-๔ แดด เพื่อลดความชื้นในเมล็ด โดยให้เมล็ดข้าวผ่านอากาศร้อน

                 
           การเก็บรักษาข้าว
           หลังจากชาวนาได้ตากเมล็ดข้าวจนแห้ง และมีความชื้นในเมล็ดแล้วนั้น
ชาวนาก็จะเก็บข้าวไว้ในยุ้งฉาง เพื่อไว้บริโภคละแบ่งขาย เมื่อข้าวมีราคาสูง และ
อีกส่วนหนึ่งชาวนาจะแบ่งไว้ทำพันธุ์ ฉะนั้นข้าวพวกนี้จะต้องเก็บไว้เป็นอย่างดี
โดยรักษาให้ข้าวนั้นมีคุณภาพได้มาตรฐานอยู่ตลอดเวลาและไม่สูญเสียความงอก
ข้าวพวกนี้ควรเก็บไว้ในยุ้งฉางที่ดี ซึ่งทำด้วยไม้ยกพื้นสูง อากาศถ่ายเทได้สะดวก
เพื่อจะได้ระบายความชื้นและความร้อนออกไปจากยุ้งฉาง นอกจากนี้หลังคาของ
ฉางจะต้องไม่รั่ว และสามารถกันน้ำฝนไม่ให้หยดลงไปในฉางได้ ก่อนเอาข้าวขึ้น
ไปเก็บไว้ในยุ้งฉางจำเป็นต้องทำความสะอาดฉางเสียก่อน โดยปัดกวาดแล้วพ่น
ด้วยยาฆ่าแมลง