การปลูกฟักทอง
ลักษณะทั่วไป :
ต้น : เป็นไม้ล้มลุก มีลำต้นเป็นเถาเลื้อยไปตามพื้นดินและต้องการหลักยึด
ตามลำเถาจะมีมือเอาไว้เกาะ เถามีขนาดยาว ใหญ่ และมีขนสาก ๆ ปกคลุมอยู่ มีสีเขียว
ใบ : ออกใบเดี่ยว ตามลำเถา ใบของฟักทองเป็นแผ่นใหญ่สีเขียวแยกออก
เป็น 5 หยักและมีขนสาก ๆ มือปกคลุมอยู่ทั่วทั้งใบ
ดอก : ออกดอกเดี่ยวตามง่ามใบ และส่วนที่ยอดของเถา ลักษณะของดอก
เป็นรูปกระดิ่งสีเหลืองในดอกตัวเมียเมื่อบานเต็มที่แล้ว จะมองเห็นผลเล็ก ๆ ติดอยู่ที่ใต้
ดอก
ผล : มีขนาดใหญ่ ลักษณะเป็นพูกลมจะมีทั้งทรงแบน และทรงสูง เปลือก
ของผลจะแข็ง มีทั้งสีเขียวหรือสีน้ำตาลแดง เนื้อในผลสีเหลืองรับประทานได้
ต้น : เป็นไม้ล้มลุก มีลำต้นเป็นเถาเลื้อยไปตามพื้นดินและต้องการหลักยึด
ตามลำเถาจะมีมือเอาไว้เกาะ เถามีขนาดยาว ใหญ่ และมีขนสาก ๆ ปกคลุมอยู่ มีสีเขียว
ใบ : ออกใบเดี่ยว ตามลำเถา ใบของฟักทองเป็นแผ่นใหญ่สีเขียวแยกออก
เป็น 5 หยักและมีขนสาก ๆ มือปกคลุมอยู่ทั่วทั้งใบ
ดอก : ออกดอกเดี่ยวตามง่ามใบ และส่วนที่ยอดของเถา ลักษณะของดอก
เป็นรูปกระดิ่งสีเหลืองในดอกตัวเมียเมื่อบานเต็มที่แล้ว จะมองเห็นผลเล็ก ๆ ติดอยู่ที่ใต้
ดอก
ผล : มีขนาดใหญ่ ลักษณะเป็นพูกลมจะมีทั้งทรงแบน และทรงสูง เปลือก
ของผลจะแข็ง มีทั้งสีเขียวหรือสีน้ำตาลแดง เนื้อในผลสีเหลืองรับประทานได้
ส่วนที่ใช้ : ผล เมล็ด
สรรพคุณ :
ผล : เนื้อในของผลฟักทองนั้นจะมีสาร อยู่ ซึ่งสารนี้เมื่อเข้าไปในร่างกาย
แล้วจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ ไม่ว่าจะอยู่ในรูปของคาวหรือของหวาน
เป็นอาหารเสริมสุขภาพได้เป็นอย่างดี
เมล็ด : ภายในเมล็ดจะมีน้ำมันชนิดหนึ่ง
1.ถ่ายพยาธิตัวตืด โดยการใช้เมล็ดแห้ง นำมาบดให้เป็นผง แล้วผสม
กับน้ำตาลและนม ให้คนไข้ทานโดยทิ้งช่วงห่างประมาณ 2 ชั่วโมง
พอครั้งสุดท้ายให้ดื่มน้ำมันละหุ่งตามเพื่อให้ถ่าย
2. ขับปัสสาวะ
3. บำรุงร่างกาย
4. แก้พิษปวดบวม
ราก :
1. รสเย็น
2. ต้มน้ำดื่ม
3. บำรุงร่างกาย
4. แก้ไอ
5. ถอนพิษของฝิ่น
6. ดับพิษสัตว์กัดต่อย
เยื่อผลกลาง :
1. รสหวานเย็น
2. แก้ฟกช้ำ
3. แก้ปวดอักเสบ
ยาง :
1.แก้งูสวัด
การปลูกฟักทอง
การเตรียมพื้นที่
ในการเตรียมพื้นที่ปลูกฟักทอง เกษตรกรจะต้องทราบสภาพของดิน
การเตรียมพื้นที่
ในการเตรียมพื้นที่ปลูกฟักทอง เกษตรกรจะต้องทราบสภาพของดิน
การปลูกหอม
หรือเรียกว่า หอมแดง หอมไทย หอมบัว หอมเล็ก หอมหัว
ลักษณะทั่วไป
เป็นไม้ล้มลุก มีหัวใต้ดิน เกิดจากใบเกร็ด เรียงซ้อนกันเป็นรูปทรงกลม
หรือรูปไข่ มีหลายหัวเกาะกลุ่มด้วยกัน เปลือกกลุ้มสีม่วงหรือสีน้ำตาล ใบเดี่ยว ดอก
ลักษณะทั่วไป
เป็นไม้ล้มลุก มีหัวใต้ดิน เกิดจากใบเกร็ด เรียงซ้อนกันเป็นรูปทรงกลม
หรือรูปไข่ มีหลายหัวเกาะกลุ่มด้วยกัน เปลือกกลุ้มสีม่วงหรือสีน้ำตาล ใบเดี่ยว ดอก
ช่อซี่ร่ม รูปทรงกลม เกิดจากหัวใต้ดิน ดอกรูประฆังหรือคนโท กลีบรวม 6 กลีบ
เรียงเป็น 2 วง สีเขียวถึงขาว ผลแห้งแตกได้ เป็น 3 ภู เมล็ดแบนสีดำ
เรียงเป็น 2 วง สีเขียวถึงขาว ผลแห้งแตกได้ เป็น 3 ภู เมล็ดแบนสีดำ
สรรพคุณทางยา
หัว :
1. ขับลมในลำไส้
2. แก้หวัด คัดจมูก
3. แก้ไข้ แก้ไข้เพื่อเสมหะ แก้ไข้สันนิบาต แก้ไข้อันบังเกิดแก่จักษุ
แก้ไข้อันบังเกิดแก่ทรวง
4. แก้โรคตา ขับเสมหะ
5. แก้โรกในปาก
6. บำรุงเส้นผม
7. แก้ลมพรรดึก เจริญไฟธาตุ
8. แก้กำเดา
9. แก้อาการเมาค้างจากเหล้า
10.แก้สะอึกแก้ท้องเสีย เป็นยาถ่าย ทำให้อาเจียน ขับปัสาวะ
บำรุงโลหิต
ใบ :
1. แก้ท้องผูกแก้ลม
2. เจริญอาหาร
3. แก้กำเดา
4. แก้หวัด
5. แก้ฟกช้ำ
เมล็ด :
1. แก้กินเนื้อสัตว์เป็นพิษ
2. แก้อาเจียนเป็นเลือด
ข้อดีข้อเสียของหอม
- ข้อดีของสมุนไพร :ใช้เป็นยารักษาโรค
- ข้อเสียของสมุนไพร :กลิ่นฉุน
หัว :
1. ขับลมในลำไส้
2. แก้หวัด คัดจมูก
3. แก้ไข้ แก้ไข้เพื่อเสมหะ แก้ไข้สันนิบาต แก้ไข้อันบังเกิดแก่จักษุ
แก้ไข้อันบังเกิดแก่ทรวง
4. แก้โรคตา ขับเสมหะ
5. แก้โรกในปาก
6. บำรุงเส้นผม
7. แก้ลมพรรดึก เจริญไฟธาตุ
8. แก้กำเดา
9. แก้อาการเมาค้างจากเหล้า
10.แก้สะอึกแก้ท้องเสีย เป็นยาถ่าย ทำให้อาเจียน ขับปัสาวะ
บำรุงโลหิต
ใบ :
1. แก้ท้องผูกแก้ลม
2. เจริญอาหาร
3. แก้กำเดา
4. แก้หวัด
5. แก้ฟกช้ำ
เมล็ด :
1. แก้กินเนื้อสัตว์เป็นพิษ
2. แก้อาเจียนเป็นเลือด
ข้อดีข้อเสียของหอม
- ข้อดีของสมุนไพร :ใช้เป็นยารักษาโรค
- ข้อเสียของสมุนไพร :กลิ่นฉุน
การปลูก
การเตรียมดิน :
1. ชอบดินร่วน
1. ชอบดินร่วน
2. มีการระบายน้ำดี
3. แปลงปลูกควรขุดด้วยจอบพลิกดินตากแดดไว้ก่อน
4. ย่อยดินให้เป็นก้อนเล็ก อย่าให้ละเอียดมาก จะทำให้ดินแน่น
ขั้นตอนการปลูก
4. ย่อยดินให้เป็นก้อนเล็ก อย่าให้ละเอียดมาก จะทำให้ดินแน่น
ขั้นตอนการปลูก
1. ก่อนปลูกควรรดน้ำแปลงปลูกให้ดินชุ่มชื้น ไว้ล่วงหน้า
2. นำหัวหอมมาปลูกลงในแปลงที่เตรียมไว้ โดยเอาส่วนโคนหรือที่เคย
เป็นที่ออกรากเก่าจิ้ม ลงไปในดินประมาณครึ่งหัว
3. ระวังอย่ากดแรงนักจะทำให้ลำต้นหรือหัวชอกช้ำจะทำให้ไม่งอก
หรืองอกรากช้า
4. เมื่อปลูกทั่วทั้งแปลงให้คลุมด้วยฟางหรือหญ้าแห้งหรือแกลบหนาพอ
สมควรเป็นการ รักษาความชุ่มชื้น
5. จากนั้นรดน้ำให้ชุ่ม ๆ ต้นหอมจะงอกออกมาภายใน 7-10 วัน
การดูแลรักษา :
การ ให้น้ำ หอมแดงต้องการน้ำมากและสม่ำเสมอในระยะเจริญเติบโต
และแตกกอ หากปลูกในที่ ๆ มีอากาศแห้งและลมแรง อาจต้องคอยให้น้ำบ่อย ๆ
ระยะแรกอาจให้น้ำวันละ 2 ครั้ง เช้าเย็น
2. นำหัวหอมมาปลูกลงในแปลงที่เตรียมไว้ โดยเอาส่วนโคนหรือที่เคย
เป็นที่ออกรากเก่าจิ้ม ลงไปในดินประมาณครึ่งหัว
3. ระวังอย่ากดแรงนักจะทำให้ลำต้นหรือหัวชอกช้ำจะทำให้ไม่งอก
หรืองอกรากช้า
4. เมื่อปลูกทั่วทั้งแปลงให้คลุมด้วยฟางหรือหญ้าแห้งหรือแกลบหนาพอ
สมควรเป็นการ รักษาความชุ่มชื้น
5. จากนั้นรดน้ำให้ชุ่ม ๆ ต้นหอมจะงอกออกมาภายใน 7-10 วัน
การดูแลรักษา :
การ ให้น้ำ หอมแดงต้องการน้ำมากและสม่ำเสมอในระยะเจริญเติบโต
และแตกกอ หากปลูกในที่ ๆ มีอากาศแห้งและลมแรง อาจต้องคอยให้น้ำบ่อย ๆ
ระยะแรกอาจให้น้ำวันละ 2 ครั้ง เช้าเย็น